Q : |
กลุ่มบริษัทมีการประกอบธุรกิจอะไรบ้าง |
 |
กลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจด้านการผลิต และส่งออกอาหารแปรรูปจากเนื้อไก่แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ การผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงไก่ปู่ย่าพันธุ์ ฟาร์มเลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ การแปรรูปและตัดแต่งเนื้อไก่ ตลอดจนการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อไก่ โดยมี บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทแม่ของกลุ่ม ดำเนินธุรกิจหลัก คือ การชำแหละและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ ชิ้นส่วนไก่สดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุก รวมถึงผลพลอยได้จากการชำแหละไก่ จำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ และของลูกค้า ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
Q : |
กลุ่มบริษัทของจีเอฟพีทีมีบริษัทย่อยกี่บริษัท ประกอบธุรกิจอะไรบ้าง |
 |
การดำเนินธุรกิจของทั้งกลุ่มบริษัท เป็นลักษณะต่อเนื่อง ครบวงจร เริ่มตั้งแต่ต้นทางของธุรกิจ คือ
- บริษัท กรุงไทยอาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ KT ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ อาหารสัตว์บกและอาหารสัตว์น้ำ อีกทั้งยังผลิตอาหารไก่เนื้อสำหรับใช้ในฟาร์มเลี้ยงไก่ของกลุ่มบริษัท
- บริษัท จีพี บรีดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่ปู่ย่าพันธุ์ เพื่อผลิตและจำหน่ายลูกไก่พ่อแม่พันธุ์เนื้อให้กับบริษัท FKT
- บริษัท ฟาร์มกรุงไทย จำกัด หรือ FKT ดำเนินธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ โดยซื้อลูกไก่พ่อแม่พันธุ์เนื้อจากบริษัท GP นำมาเลี้ยง เพื่อผลิตและจำหน่ายลูกไก่พันธุ์เนื้อ ให้กับบริษัท MKS
- บริษัท เอ็ม.เค.เอส. ฟาร์ม จำกัด ดำเนินธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ โดยรับซื้อลูกไก่เนื้อทั้งหมดจากบริษัท FKT นำมาเลี้ยงเองจนอายุครบ 41 ถึง 43 วัน แล้วจำหน่ายไก่เนื้อให้กับบริษัท GFPT และบริษัท GFN (บริษัทร่วมทุน)
- บริษัท จีเอฟ ฟูดส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท GFF ได้แก่ ไส้กรอก ไก่ยอ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ โดยจำหน่ายผ่านศูนย์จำหน่ายตลาดสด และตลาดพ่อค้าคนกลาง
Q : |
บริษัทร่วมทุนของจีเอฟพีทีมีกี่บริษัท ประกอบธุรกิจอะไรบ้าง |
 |
บริษัทร่วมทุนมี 2 บริษัท คือ บริษัท แมคคีย์ ฟู้ด เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ McKey ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปแช่แข็งเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และมีการจำหน่ายให้ร้านแมคโดนัลด์ทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ
และบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GFN ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง เนื้อไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อไก่ เพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ
Q : |
กลุ่มบริษัทมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ อย่างไร |
 |
กลุ่มบริษัทมีวิสัยทัศน์ คือ เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อไก่แปรรูปแบบครบวงจรเพื่อการส่งออก โดยมีพันธกิจ ที่สร้างขึ้นจากรากฐานความใส่ใจ เพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านการผลิตอาหาร 7 ด้าน ดังนี้
1. ด้านคุณภาพอาหาร - ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล
2. ด้านความปลอดภัยอาหาร - เชื่อมั่นด้วยระบบตรวจสอบย้อนกลับ
3. ด้านนวัตกรรมอาหาร - พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
4. ด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ - ส่งเสริมศักยภาพบุคลากรสู่ความเป็นผู้เชี่ยวชาญ
5. ด้านความพึงพอใจสูงสุด - ใส่ใจในความต้องการของลูกค้าเพื่อความพึงพอใจสูงสุด
6. ด้านพันธมิตรธุรกิจที่ยั่งยืน - สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพันธมิตรในระยะยาว
7. ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม – สร้างจิตสำนึกที่ดีและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
Q : |
กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างรายได้ในปี 2561 อย่างไร คิดเป็นปริมาณเท่าใด |
 |
ในปี 2561 กลุ่มบริษัท มีรายได้จากธุรกิจชำแหละไก่และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ คิดเป็นร้อยละ 45.33 ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และจำหน่ายลูกไก่ คิดเป็นร้อยละ 31.62 ธุรกิจอาหารสัตว์ คิดเป็นร้อยละ 18.80 และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป คิดเป็นร้อยละ 4.25
Q : |
ในปี 2561 กลุ่มบริษัทมีปริมาณการผลิต และปริมาณการส่งออกเนื้อไก่แปรรูป อยู่ที่เท่าไหร่ |
 |
ในปี 2561 กลุ่มบริษัท มีปริมาณการผลิตไก่กว่า 2 แสนตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 7 ของปริมาณการผลิตไก่ของประเทศไทย และมีปริมาณการส่งออกเนื้อไก่แปรรูปกว่า 1 แสนตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 13 ของปริมาณการส่งออกเนื้อไก่แปรรูปของประเทศไทย
Q : |
กลุ่มบริษัทมีตลาดส่งออกที่สำคัญที่ใดบ้าง |
 |
กลุ่มบริษัทมีการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก รองลงมาคือกลุ่มสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ
Q : |
กลุ่มบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างไร |
 |
บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตรา “ไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิประจำปี ตามงบการเงินเฉพาะของกิจการ หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ การจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสด สภาพคล่อง และแผนการลงทุนในอนาคตของบริษัทฯ และบริษัทย่อย รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวม”
Q : |
ปัจจัยหรือเหตุการณ์ใดที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินหรือการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในอนาคต |
 |
ถ้าหากเป็นปัจจัยด้านความเสี่ยงภายในองค์กร ที่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินหรือการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทได้ จะมีในเรื่องของ ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงิน ความเสี่ยงด้านการตลาดและการขาย ความเสี่ยงด้านทรัพยากรบุคคล ความเสี่ยงจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเรื่องความปลอดภัยของอาหาร ความเสี่ยงจากบริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ความเสี่ยงด้านการทุจริต คอร์รัปชัน และความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ส่วนปัจจัยความเสี่ยงภายนอกองค์กร ได้แก่ ความเสี่ยงจากการเกิดโรคระบาดในสัตว์ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ความเสี่ยงจากเปิดเสรีการค้าและการก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงด้านกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและยอมรับได้ ตามที่ได้ระบุไว้ในหัวข้อปัจจัยความเสี่ยง และการบริหารความเสี่ยง (รายงานประจำปี 2560 หน้า 58)